หมวกกู้ภัย vs หมวกเซฟตี้ ต่างกันยังไง

หมวกกู้ภัย VS หมวกเซฟตี้ (หมวกนิรภัย)

ความแตกต่างที่ควรรู้

หลายคนอาจสงสัยว่า หมวกกู้ภัย (Rescue Helmet) และหมวกเซฟตี้ (Safety Helmet หรือ หมวกนิรภัย)  มีความแตกต่างกันอย่างไร? ถึงแม้ว่าทั้งสองจะเป็นหมวกนิรภัยที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ แต่ทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน และมีรายละเอียดที่ทำให้เหมาะกับการใช้งานในสถานการณ์ที่ต่างกันออกไป

1. ภายนอกและดีไซน์ที่แตกต่าง

ถ้ามองเผิน ๆ หลายคนอาจคิดว่า หมวกนิรภัย หรือ หมวกเซฟตี้ ทุกใบก็เหมือนกัน แต่ลองสังเกตดี ๆ จะเห็นเลยว่า หมวกกู้ภัย มักมีช่อง มีสัน และมีสีดำ ๆ แปลก ๆ เต็มไปหมด บางคนอาจสงสัยว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร? จริง ๆ แล้วแต่ละจุดคือพื้นที่ที่ใช้ติดตั้งอุปกรณ์เสริม เช่น ไฟฉาย วิทยุ หรือตัวล็อกสำหรับเชือกนิรภัย เป็นต้น

ส่วน หมวกนิรภัย หรือ หมวกเซฟตี้ จะดีไซน์เรียบ ๆ มากกว่า มีช่องเล็ก ๆ สำหรับติดหูฟังนิรภัย หรือคลิปเสริมต่าง ๆ เท่านั้น เพื่อเน้นใส่สบายและเบา เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องในไซต์งานที่มีความเสี่ยงจากวัตถุตกใส่

2. ดีไซน์ที่ตอบโจทย์การใช้งาน

หมวกกู้ภัย มักจะมีการออกแบบให้ปีกหน้าสั้นหรือไม่มีปีกเลย เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานในพื้นที่จำกัด เช่น ภายในอาคาร หรือพื้นที่ที่ต้องทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น SCBA (Self-Contained Breathing Apparatus) หรือเชือกนิรภัย ซึ่งช่วยลดการติดขัดและทำให้สามารถเข้าพื้นที่จำกัดได้ง่ายขึ้น แต่หมวกกู้ภัยบางประเภทเช่นหมวกดับเพลิง จะมีดีไซน์ปีกรอบหมวกที่ยาวเช่นกัน อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ดีไซน์ของหมวกดับเพลิงได้ที่นี่

ในขณะที่ หมวกนิรภัย หรือ หมวกเซฟตี้ จะมีปีกหน้าที่มักยาวกว่า เพื่อป้องกันแสงแดดหรือฝนในสภาพแวดล้อมกลางแจ้ง และเน้นดีไซน์ที่เรียบง่าย เพื่อลดความยุ่งยากในการสวมใส่ตลอดวัน

3. การรองรับแรงกระแทก

หมวกนิรภัย (หรือ หมวกเซฟตี้) ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบให้รองรับแรงกระแทกจากทิศทางทั้งหมด (ด้านบน ด้านข้าง และด้านหลัง) ซึ่งเหมาะกับงานที่มีความเสี่ยงจากการตกของวัตถุจากที่สูง โดย หมวกเซฟตี้ จะมีการออกแบบให้สามารถป้องกันการกระแทกจากด้านต่าง ๆ และมีช่องระบายอากาศที่ช่วยให้ใช้งานสะดวกในระยะยาว เช่น ในการก่อสร้างหรืออุตสาหกรรมที่มีการตกของวัตถุ

หมวกกู้ภัย โดยทั่วไปมักจะเน้นไปที่การรองรับแรงกระแทกจากด้านบนเป็นหลัก แต่มักไม่ได้มีการออกแบบให้รองรับแรงกระแทกจากด้านข้างหรือด้านหลังมากนัก เนื่องจากการใช้งานส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ที่แคบหรือมีอุปสรรค เช่น ในภารกิจการกู้ภัยหรือการทำงานที่ต้องสวมใส่อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่น ไฟฉาย หรือวิทยุ

กล่าวคือ หมวกกู้ภัย บางรุ่นอาจไม่ได้ให้การรองรับแรงกระแทกจากด้านข้างหรือด้านหลังมากเท่ากับ หมวกนิรภัย แต่ยังคงให้ความปลอดภัยจากแรงกระแทกจากด้านบนได้ดี ซึ่งเหมาะกับการทำงานในที่แคบหรือสถานการณ์ที่ต้องการความคล่องตัวมากกว่า

4. การติดตั้งอุปกรณ์เสริม

หนึ่งในความแตกต่างสำคัญของ หมวกกู้ภัย คือการออกแบบให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้มากมาย เช่น ไฟฉาย วิทยุ หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการกู้ภัย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในภารกิจที่ต้องการความพร้อมในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน

หมวกนิรภัย หรือ หมวกเซฟตี้ จะเน้นการใช้งานที่สบายและเบา แต่ก็ยังสามารถติดอุปกรณ์เสริมได้บ้าง เช่น หูฟังนิรภัย หรือคลิปเสริมต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำงานในไซต์งาน

5. สายรัดคางและความปลอดภัยในการสวมใส่

หมวกนิรภัย จะมาพร้อมกับสายรัดคางที่มั่นคงและแน่นหนาเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน แต่บางรุ่นอาจใช้สายยางยืดที่แน่นหนาน้อยกว่าหมวกกู้ภัย แต่สายรัดคางใน หมวกนิรภัย ก็มีหลายรูปแบบที่สามารถปรับระดับความกระชับได้ตามความต้องการ

ในขณะที่ หมวกกู้ภัย มีสายรัดคางที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถสวมใส่ได้แน่นหนาและสะดวกสบาย แม้จะมีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เพื่อไม่ให้หมวกหลุดหรือเคลื่อนที่ในระหว่างการทำงาน

6. ความสามารถพิเศษ

ทั้ง หมวกนิรภัย และ หมวกกู้ภัย สามารถออกแบบให้ทนต่อสารเคมีและความร้อนได้ แต่ขึ้นอยู่กับ Class ของหมวก เช่น หมวกกู้ภัย บางประเภทสามารถทนต่อสารเคมีได้ดี ขณะที่บางรุ่นก็สามารถทนต่อความร้อนได้ดี หมวกนิรภัย ส่วนใหญ่ก็ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญกับอันตรายจากไฟหรือสารเคมี


สรุป

ทั้ง หมวกนิรภัย และ หมวกกู้ภัย ต่างก็มีการออกแบบที่เหมาะสมกับลักษณะงานที่แตกต่างกันไป หากคุณทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญกับอันตราย หมวกกู้ภัย จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า ขณะที่ หมวกนิรภัย จะเหมาะกับงานที่ต้องการการป้องกันจากการตกของวัตถุและการใช้งานที่สะดวกสบายตลอดวัน

เลือกหมวกที่เหมาะสมกับประเภทงานของคุณ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน! และหากคุณกำลังมองหาหมวกเซฟตี้ หมวกนิรภัยคุณภาพดี ที่ได้มาตรฐาน สามารถดูได้ที่นี่

สาระน่ารู้อื่นๆ